วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

ปะทะกันกำปั้นต่อกำปั้น Samsung Galaxy Note 5 vs iPhone 6S vs iPhone 6S Plus เช่าพระรุ่นไหนดี ?

เริ่มไปอย่างยิ่งใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องด้วย iPhone 6S และ iPhone 6S Plus ไอโฟนรุ่นล่าสุดประจำปี 2015 ที่ในปีนี้ มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งการเพิ่มเทคโนโลยี Force Touch เสริมทัพด้วยฟีเจอร์ 3D Touch รวมไปถึง เพิ่มความละเอียดของเซ็นเซอร์กล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้า พร้อมกับด้านหลัง เรียกได้ว่า คงถูกอกถูกใจ สาวก iPhone กันไม่น้อยเลยทีเดียว



ส่วนอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่พ่ายแพ้กัน นั่นก็คือ Samsung Galaxy Note5 ที่เปิดตัวก่อนหน้า iPhone 6S ไปแล้ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ลอดมา โดยจุดเด่นของ Samsung Galaxy Note 5 รุ่นนี้ ก็คือ บอดี้ตัวเครื่องแบบโลหะ พร้อมชูจุดเด่นด้วยหน้าจอความละเอียดระดับ Quad HD รวมไปถึงกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ด้วยกันอาวุธคู่ใจที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ ปากกา S Pen Stylus ที่ช่วยทำให้การใช้งานบนหน้าจอใหญ่ สะดวกขึ้นกว่าเดิม

มาดูกันว่า ถ้าต่างว่าเราเปรียบเทียบสเปค ระหว่าง iPhone 6S vs iPhone 6S Plus vs Samsung Galaxy Note 5 ทั้ง 3 รุ่นนี้ จักโดดเด่นพร้อมด้วยแตกต่างอย่างไรบ้าง



ดีไซน์พร้อมด้วยการออกแบบ

มาบุกเบิกกันที่การออกแบบของทั้ง 3 รุ่นกันก่อน เพราะทั้ง iPhone 6S, iPhone 6S Plus พร้อมด้วย Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมกับบอดี้แบบโลหะเหมือนกันทั้ง 3 รุ่น ด้วยกันเป็นอะลูมิเนียมเกรด 7000 เหมือนกันอีกด้วย แน่นอนว่า ในเรื่องของความแข็งแกร่ง, ทนทาน พร้อมทั้งพรีเมียม ทั้ง 3 รุ่นนี้ สูสีกันแบบเห็นๆ

ส่วนขนาดตัวเครื่อง ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy Note 5 จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่กว่าถึง 5.7 นิ้ว แต่กลับมีน้ำหนักตัวเครื่อง เบากว่า iPhone 6S Plus ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วเสียอีก แต่เรื่องความบางนั้น Samsung Galaxy Note5 หนากว่าเล็กน้อย

หน้าจอแสดงผล



เนื่องด้วย Samsung Galaxy Note5 นอกจากจะมาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 5.7 นิ้วแล้ว ยังมาพร้อมกับความละเอียดระดับ QHD 2560 x 1440 พิกเซล อีกด้วย ในขณะที่ iPhone 6S Plus มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดระดับ Full HD 1080p เท่านั้น ทั้งๆ ที่ มือถือเรือธง ส่วนใหญ่ โหมโรงใช้หน้าจอความละเอียดระดับ QHD กันหมดแล้ว ซึ่งในส่วนของการแสดงผล ถือว่า Samsung Galaxy Note 5 ค่อนข้างเหนือกว่า

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy Note 5 จะได้เปรียบในเรื่องของหน้าจอใหญ่ แต่ในเรื่องของการพกพา คงปิดประตูไม่ได้ว่า มือถือหน้าจอเล็ก พกพาได้สะดวกมากกว่า แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบด้วยครับ

หน่วยประมวลผล



iPhone 6S และ iPhone 6S Plus มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A9 พร้อมทั้ง M9 ซึ่งยังไม่มีข้อมูลระบุอย่างแน่ชัดว่า ชิปเซ็ตรุ่นนี้ เป็นแบบ Dual-Core หรือ Quad-Core Processor กันแน่ รวมไปถึงข้อมูลในเรื่องของ หน่วยความจำ RAM ที่มีข่าวลือว่า อาจจะมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB ซึ่งคงต้องรอการพิสูจน์จากทาง iFixit อีกทีหนึ่ง

ส่วน Samsung Galaxy Note 5 จัดเต็มด้วย หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor (Exynos 7420 chipset) ความเร็ว 2.1 GHz ด้วยกันหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB เรียกได้ว่า เร็วพร้อมด้วยแรงไม่จำนนรุ่นใด แต่จะแรงกว่า iPhone 6S ด้วยกัน iPhone 6S Plus หรือไม่ คงต้องรอ Benchmark พิสูจน์กันจากนั้น

กล้องถ่ายรูป



เรียกได้ว่า ในปีนี้ แอปเปิล ได้ยืดอกอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ก็เพราะว่า iPhone 6S กับ iPhone 6S Plus มาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ทัดเทียมกับ มือถือเรือธง รุ่นอื่นๆ แต่ล้ำหน้ากว่าด้วยไฟแฟลชแบบ Retina Flash ซึ่งจุดเด่นนี้ น่าจักช่วยดึงให้คนกลับมาใช้ iPhone ได้ไม่ยาก รวมไปถึงกล้องด้านหลัง ที่ปรับความละเอียดเป็น 12 ล้านพิกเซลแล้ว อีกทั้ง ยังรองรับการถ่ายคลิปวีดีโอความละเอียดสูงสุดถึง 4K อีกด้วย

นอกเหนือจากไฟแฟลชแบบ Retina Flash กับปรับความละเอียดของกล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้า และด้านหลังแล้ว ยังได้เพิ่มโหมดการถ่ายรูปแบบ Live Photos ที่เปลี่ยนภาพนิ่งธรรมดาๆ ให้เคลื่อนไหวได้ สร้างลูกเล่นให้กับการถ่ายภาพได้อีกส่วนหนึ่ง



ส่วน Samsung Galaxy Note 5 ก็ไม่น้อยหน้า จัดเต็มทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลังเช่นกัน โดยกล้องด้านหน้า มาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ทั้งกล้องด้านหน้า และด้านหลัง เรียกได้ว่า หมดปัญสมมตารถ่ายรูปในที่แสงน้อยไปเลย เพราะว่ารับประกันความคมชัดด้วยกันสว่างสดใสแน่นอน รวมไปถึงลูกเล่นด้านการถ่ายภาพ Samsung Galaxy Note 5 มีมากกว่า iPhone 6S และ iPhone 6S Plus เสียอีก

การเชื่อมต่อ

ทั้ง iPhone 6S, iPhone 6S Plus ด้วยกัน Samsung Galaxy Note 5 ต่างรองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2, NFC, GPS + A-GPS + GLONASS เหมือนกัน ส่วนด้านการเชื่อมต่อสร้างผ่านสายเคเบิล Samsung Galaxy Note 5 ใช้พอร์ต microUSB 2.0 ในขณะที่ iPhone 6S ด้วยกัน iPhone 6S Plus ใช้พอร์ต Lightning ซึ่งถ้าพูดถึงความสะดวกในการใช้ยามฉุกเฉิน ต้องบอกให้ทราบว่า พอร์ตแบบ microUSB 2.0 สะดวกมากกว่า เพราะว่ามือถือหลายรุ่นต่างก็ใช้พอร์ตแบบนี้ ในขณะที่พอร์ตแบบ Lightning จะต้องเป็นผู้ใช้ iPhone 5 ขึ้นไปเท่านั้น จึงจะมีสายชาร์จแบบนี้

เซ็นเซอร์ต่างๆ

ทั้ง 3 รุ่น ต่างมาพร้อมกับเซ็นเซอร์พื้นฐานอย่าง Accelerometer Sensor, Gyro Sensor พร้อมกับ Proximity Sensor อยู่แล้ว รวมไปถึงเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ บนปุ่ม Home อีกด้วย แต่สิ่งที่ Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่า ก็คือ มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วย ในขณะที่ผู้ใช้ iPhone จะต้องวัดลอด Apple Watch แทน

iPhone 6S, iPhone 6S Plus กับ Samsung Galaxy Note 5 รุ่นไหน คุ้มค่ามากกว่ากัน?



คำถามนี้ คงเป็นเรื่องที่ตอบได้ยากสักหน่อย เพราะว่าทั้ง 3 รุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ด้าน iPhone 6S กับ iPhone 6S Plus สเปคไม่ทิ้งห่างกันเท่าไหร่ เชื่อได้ว่า สาวกคงจักตัดสินใจเลือกเองได้ไม่ยาก โดยเฉพาะผู้ที่ยังใช้ iPhone รุ่นเก่าอยู่ อย่าง iPhone 4S, iPhone 5 หรือ iPhone 5S น่าจักได้เวลาเปลี่ยนมาใช้กันแล้ว ไม่ก็ผู้ที่ใช้ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus อยู่ก่อนแล้ว ก็มีแนวโน้มที่จักเปลี่ยนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุว่าปรารถนาลองของใหม่อย่าง Force Touch ด้วยกัน 3D Touch

ด้วยว่าจุดเด่นในแต่ละด้านระหว่าง iPhone6S / iPhone 6S Plus พร้อมด้วย Samsung Galaxy Note 5 กรุ๊ปงานขอสรุปไว้เป็นข้อๆ ดังนี้

1. ด้านการแสดงผล

ถ้าวัดกันที่การแสดงผล คงจักตัดสินได้ไม่ยากว่า Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่าในด้านนี้ ด้วยเหตุว่ามาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล ที่มีความละเอียดสูงถึงระดับ QHD ในขณะที่ iPhone 6S Plus ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ระดับ Full HD เท่านั้น ซึ่งมือถือเรือธงส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับหน้าจอระดับ QHD กันหมดแล้ว

2. กล้องถ่ายรูป

Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่าในเรื่องของกล้องด้านหลัง ที่มาพร้อมกับความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ตอบสนองต่อการใช้งานในที่แสงน้อยได้ดี อีกทั้งยังมีลูกเล่นด้วยกันโหมดการ ถ่ายภาพยังมีให้เฟุ้งเฟื่องกใช้มากกว่า ส่วน iPhone 6S / iPhone 6S Plus เหนือกว่าในเรื่องของกล้องด้านหน้า ที่ถึงแม้จะมาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เหมือนกับ Samsung Galaxy Note 5 แต่มีไฟแฟลชแบบ Retina Flash ในตัว ฉะนั้น ถ้าต่างว่าใช้งานด้าน Selfie ถือว่า iPhone 6S / iPhone 6S Plus ดีกว่า



3. การประมวลผล

ถ้าต่างว่ามองในเรื่องฮาร์ดแวร์ ณ ชั่วโมงนี้ ต้องเผยว่า Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่า ตามที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB พร้อมทั้งซีพียูแบบ Octa-Core Processor แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่า จะประมวลผลได้เร็วกว่า iPhone 6S / iPhone 6S Plus เพราะว่าต้องรอผลการแข่งขัน Benchmark มายืนยันอีกครั้ง ดังที่ทั้ง 2 รุ่น ใช้ระบบปฏิบัติการที่ต่างกันนั่นเอง

4. เทคโนโลยีใหม่ๆ

iPhone 6S / iPhone 6S Plus ถือว่า เป็นรุ่นที่มีการอัปเกรดมากกว่า iPhone รุ่นอื่นๆ เพราะว่านอกจากจักอัปเกรดทั้งชิปเซ็ต กับกล้องถ่ายรูปแล้ว ยังได้เพิ่มเทคโนโลยีน้องใหม่แกะกล่องอย่าง Force Touch พร้อมด้วย 3D Touch เพิ่มเข้ามา แต่ก็ต้องมองกันหลังจากนั้นยาวๆ ว่า เทคโนโลยีดังกล่าว จักมีความจำเป็นต่อการใช้งานมากแค่ไหน เช่นเดียวกับสมัยที่ Apple โหมโรง Touch ID ที่หลายๆ คนมองว่า เป็นฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น แต่ ณ ปัจจุบัน Touch ID ไม่ใช่หรือการสแกนลายนิ้วมือ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการใช้งานสมาร์ทโฟนไปเสียแล้ว

ส่วน Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมกับเทคโนโลยี UHQ Upscaler ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงของทั้ง เพลง พร้อมทั้งวีดีโอ ให้มีรายละเอียดดีขึ้น พร้อมทั้งคมชัดขึ้น ซึ่งทางฝ่ายงาน techmoblog ก็ได้ทำการพิสูจน์ในบทความรีวิวไปแล้วว่า เสียงคมชัดขึ้นกว่า Samsung Galaxy Note 4 ยิ่ง แต่ด้วยข้อนี้ คงต้องยกให้ iPhone 6S / iPhone 6S Plus เหนือกว่า ด้วยเหตุที่เทคโนโลยี Force Touch พร้อมกับ 3D Touch ยังไม่เคยมี สมาร์ทโฟน รุ่นใดมีมาก่อนนั่นเอง

5. มูลค่า

ปิดท้ายด้วยด้านค่ากันบ้าง Samsung Galaxy Note 5 เคาะราคามาแล้ว อยู่ที่ 25,900 บาท ส่วน iPhone 6S กับ iPhone 6S Plus คงต้องลุ้นกันรองลงไปว่า จะเคาะค่าโหมโรงมาสูงหรือไม่ก็ต่ำกว่านี้

ติดตาม ข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ที่: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

รวมสิ่งที่คาดว่าคุณจักพบใน iPhone 6s พร้อมด้วย iPhone 6s Plus ที่กำลังจักโหมโรง

ด้วยบทความนี้อาจจะเอาใจคนที่สนใจไอโฟนรุ่นใหม่ทั้งหลาย ซึ่งเราจักรวบรวมสิ่งที่ใหม่เป็นแน่แท้ ๆ ใน iPhone 6s ที่ตื่นเต้น ด้วยกันน่าใช้กันสุดยอดบ้าง หมายเหตุ!! สิ่งเหล่านี้เป็นการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลด้วยกันนำมาเขียนวิเคราะห์พร้อมด้วยใส่ความเห็นของผู้เขียนลงไป ยังไม่ใช่กันฟันธง 100% ฉะนั้น อ่านแล้วคิดพิจารณาเองก่อนลงความเห็นนะครับ



1.จอละเอียดขึ้น

ต้องเข้าใจว่า iPhone 6s จะเป็นรุ่นการพัฒนาขึ้นจาก iPhone 6 เดิม ฉะนั้นจักไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างพร้อมกับขนาดหน้าจอได้ แต่ความละเอียดที่มากกว่าเดิม โดย iPhone 6s จะมีความละเอียดที่มากกว่าเดิมอยู่เกือบ 30% ฉะนั้น ถ้าเรามองที่จอของ iPhone 6s จะละเอียดขึ้นด้วยกันแสดงผลภาพสวยงามใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าเป็น iPhone 6s Plus ก็จักมากขึ้นไปอีก แต่ยังไม่เท่า Android แบบใหม่ในระดับ 2K นะครับ ความเป็นไปได้ที่ผมให้ 80% ล่ะกัน

2.CPU ใหม่กับแรงขึ้น

ของใหม่ต้องแรงขึ้นเป็นธรรมดา จากแหล่งข่าวที่พึ่งหลุดมาพูดถึงเรื่องสเปคเครื่องว่าจะมีการใช้ CPU A9 ใหม่ที่มีความแรง 1.8 GHz แรงกว่าเดิมแน่นอน ด้วยกันไม่ต้องพูดถึงการแข่งขัน Benchmark ว่าจักได้เท่าไหร่ เอาเป็นว่ายังไงก็ไหลไปดีขึ้นล่ะกัน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการกินไฟนี่แหล่ะ แม้ว่าจักใช้สถาปัตยกรรม 14 นาโนเมตรก็ตาม ความเป็นไปได้ ความเป็นได้ที่ผมให้มาเต็มที่ 80% เท่ากับข้างบน

3.RAM มากขึ้น

แน่นอนว่าผมก็เป็นอีกคนที่บ่นว่า RAM ของ iPhone 6 น้อยไปเพราะให้มาพาง 1GB เท่านั้น Apple คงฟังเสียงบ่นแล้ว ผลคือไอโฟนใหม่อย่าง iPhone 6s จะเพิ่ม RAM เป็น 2GB นั่นเอง ฉะนั้นการเปิดโปรแกรมค้างไว้บ่อย หรือจะเล่นเกมแล้วกลัวลื่นไม่พอ หมดห่วงนะครับ ความเป็นไปได้ผมให้ 77% ล่ะกัน

4.กล้องชัดขึ้น

iPhone รุ่นเดิมเป็นมีกล้องหน้าด้วยกันหลังที่เรียกว่า ล้าภายหลังคู่แข่งมาพอสมควร ฉะนั้นการเพิ่มความละเอียดกล้องนั้นจึงต้องเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอน โดยเพิ่มกล้องหน้าที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งถ่ายวีดีโอได้ระดับ 4K แม้ว่าพิกเซลจักเพิ่ม แต่จะคมชัดไม่ใช่หรือไม่ ต้องรอดูกันถัดไป ความเป็นไปได้ คาดว่า 70% (เผื่อใจไว้ก่อน)



5. Body แข็งแรงขึ้น

ปัญหาของ iPhone 6 ที่ออกมาพร้อมทั้งเป็นคนที่ต้องบ่นมากมายคือ เครื่องงอง่าย (อาจจะก็เพราะว่านั่งกดทับมา) ฉะนั้นแล้ว iPhone 6s พร้อมด้วย iPhone 6s Plus จักเปลี่ยนวัสดุข้างหลังเป็นอลุมิเนียม เกรด 7,000 ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับ Samsung Galaxy Note 5 ที่แข็งแรงกว่าเดิม แต่ตกยังไงก็บุบอยู่ดีขึ้นอยู่กับมุม แน่นอนว่าการเพิ่มเกรดอลุมิเนียม ฉะนั้นความหนาจักเพิ่มขึ้น ตามที่เคยนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ แต่ความเห็นผมแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ได้เสียหายสกเท่าไหร่ ก็เพราะว่าความหนาของมันจักเพิ่มระดับ 0.x มิลลิเมตร มันไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ครับ

6.สีชมพู สุดมุ้งมิ้ง

หลุดมาแล้วมากมายเพราะด้วยประเด็นสีชมพู Pink Gold ที่สวยงามมากมาย แต่ด้วยภาพที่หลุดออกมามันก็มีความเป็นไปได้อยู่บ้าง พร้อมทั้งมันก็เอาใจผู้หญิงพอสมควรก็เพราะว่าสีที่มุ้งมิ๊งมากมาย ความเป็นไปได้ผมว่า 90% ล่ะกัน



7.จอ Force Touch

เป็นเทคโนโลยีที่ Apple เหมือนจักตั้งใจให้ออกมาก็เพราะว่าว่า หน้าจอ Force Touch ซึ่งเป็นจอที่ต้องใช้แรงกดในการสั่งงานที่แตกต่างจากเดิม ไม่ก็เรียกได้ว่าจอจักรู้ถึงแรงกดระดับเท่าไหร่ได้เช่นกัน ซึ่งเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นแล้วกับ Apple Watch พร้อมทั้ง Huawei Mate S ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ แต่จักใช้งานกับฟังก์ชั่นอะไรนั้น ต้องรอดูถัดจากนั้น ผมว่าต้องใส่มาเลยเพราะว่าว่ามันเด็ดพอสมควรเลย ส่วนนี้ความเป็นไปได้สัก 75%

8.iOS 9

เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นมาออกมาชี้ว่าใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า และมีลูกเล่นใหม่ ๆ ไม่ว่าจักเป็น Multi Tasking, Keyboard ที่ทำเป็นตั้งค่า Shortcut ใช้งานได้ง่ายขึ้น, พร้อมกับอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้มันดูน่าใช้กว่าเดิม แน่นอนว่า มันจะมาใส่กับ iPhone 6s ด้วยกัน iPhone 6s Plus อย่างแน่นอน ความเป็นไปได้ 98%

9.มูลค่าในไทยที่ต่างจากเดิม

ปางเป็นของใหม่มา ยังไงก็สนนราคาแพงขึ้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งยังไงซะค่าก็คาดว่ามากกว่าเดิมอยู่ดี แต่มากกว่าระดับไหน ต้องรอดูว่าแต่ละผู้ให้บริการนั้นจะตั้งราคาที่เท่าไหร่กันต่อไป ด้วยกันโปรโมชั่นคงไม่เสนอดีกว่า ความเป็นไปได้ 95%



10.รังสีเปล่งประกายเพราะความสดใหม่ของมัน

ข้อสุดท้ายนี้ ทำไมถึงต้องเป็นรังสีเปล่งประกายเพราะมันใหม่ กับสร้างความอิจฉาริษยากับคนที่ใช้รุ่นเดิมได้พอสมควร แต่ถ้าคนที่ไม่ได้เกิดอาการดังกล่าวคงเป็นเพราะ ต้องการรอไอโฟนรุ่นรองลงไป ... ก็เป็นได้ ความเป็นไปได้เอาไปเลย 100% เลย

สุดท้ายนี้ นี่คือความคิดเห็นกับการคาดคะเนกับความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง แต่อย่างไรก็ดี คงไม่มีสิ่งใดที่หยุดความใหม่ล่าสุดของ iPhone 6s หรือไม่ iPhone 6s Plus ใหม่ได้ นอกจาก เงินด้วยกันความต้องการของคุณเอง แต่ส่วนตัวผู้เขียนนั้น ขอรอดูรุ่นหน้าไปก่อนจนกว่าไอโฟนเดิมจักพังก่อนวัยอันควรก็แล้วกัน ที่เหลือกระฉ่อนนั้นก็รอดูว่าสิ่งที่ปริปากนั้นเป็นยิ่งใช่ไหมไม่ในคืนวันที่ 9 กันยายนนี้

ที่มา: thaizones-hitech ติดตาม ข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ที่: http://hitech.sanook.com/

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

iPhone 6c ไอโฟนรุ่นเล็ก กับบอดี้โลหะที่พรีเมียมกว่าเดิม อาจมีลุ้นแสดงตัวโฉมพร้อมกับ iPhone 6s กับ 6s Plus

กระแสข่าวฟุ้งเฟื่องเกี่ยวกับ iPhone 6C ยังคงมีมาอย่างไม่หยุดหย่อน ภายหลังก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Apple ได้ยกเลิกไลน์การผลิต iPhone 6c เรียบร้อยแล้ว แต่ล่าสุด @evleaks เจ้าพ่อข่าวเอิกเกริกชื่อดังใน Twitter ก็ได้ออกมาทวิตข้อความว่า iPhone 6C จะกลับมาอีกครั้ง



จากข้อมูลที่เป็นข่าวเล่าลือก่อนหน้านี้ iPhone 6c จะมาพร้อมกับ ตัวเครื่องที่ผลิตจากโลหะเพื่อให้ดูเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมมากกว่า iPhone 5c รุ่นพี่, แบตเตอรี่ที่เพิ่มความจุขึ้นเป็น 1,715 mAh, ชิปเซ็ตที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี FinFET และจอแสดงผลขนาด 4 นิ้ว

ซึ่งถ้า Apple ผลิต iPhone 6c แน่นอน ก็คาดว่าน่าจักเริ่มในช่วงต้นปี 2016 แต่อย่างไรก็ตาม งานโหมโรง iPhone 6s และ iPhone 6s Plus กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 9 กันยายนนี้ (ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ) ก็ต้องติดตามดูกันถัดไปว่างานจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์ใดๆ เกี่ยวกับ iPhone 6c บ้างหรือไม่ไม่

ที่มา: thaizones-hitech

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

ประมาณการณ์สนนราคา iPhone 6s ในไทยริเริ่ม 24,900 บาท

ภายหลังมีรายงานเกี่ยวกับมูลค่า iPhone 6s ด้วยกัน iPhone 6s Plus จากฝั่งยุโรปที่มีราคาเท่ากับตอนเปิดตัว iPhone 6 พร้อมทั้ง iPhone 6 Plus จึงมีความเป็นไปได้ว่าราคา iPhone รุ่นใหม่ในประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยจะเท่าเดิม



แม้ว่า iPhone รุ่นใหม่ไม่ก็ iPhone 6s จักยังไม่เริ่ม แต่เพื่อสนนราคานั้นคาดว่าเท่าเดิมกับ iPhone ด้วยดีไซน์ต่าง ๆ ซึ่งตามข่าวก่อนหน้านี้ต่างก็ให้ข้อมูลว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก แต่จะมีการปรับสเปคในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานกับกล้องถ่ายรูปให้ดีกว่า เดิม



สมมติว่าสนนราคา iPhone 6s มีสนนราคาเท่าเดิม ก็จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 24,900 บาทในรุ่นความจุ 16GB ซึ่งเป็นค่าบน Apple Online Store ส่วน iPhone 6 พร้อมทั้ง iPhone 6 Plus ก็จะปรับสนนราคาลงมาตามลำดับ



ครั้งย้อนกลับดูมูลค่า iPhone 6 เทียบกับ iPhone 5s แล้วก็พบว่า iPhone 6 เปิดสนนราคาสูงกว่าเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ทั้งวัสดุ ดีไซน์ ขนาดตัวเครื่อง พร้อมทั้งสเปค แต่เพราะว่า iPhone 6s แล้วยังคงใช้ดีไซน์แบบเดิม ด้วยกันขนาดก็น่าจักใกล้เคียง iPhone 6 ตามที่มีข่าวออกมาขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ค่าดังกล่าวเป็นแค่การคาดการณ์ล่วงหน้ากับความเป็นไปได้เท่านั้น ส่วนข้อมูลด้วยกันสนนราคาอย่างเป็นทางการต้องรอติดตามดูกันถัดครับ

สนับสนุนเนื้อหา: www.iphone-droid.net
ติดตาม ข้อมูลข่าวสารไอทีได้ที่นี่: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

ติดตาม ข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ที่: http://hitech.sanook.com/

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มาทำความรู้จักมักคุ้นกับ iPhone 6s ก่อนเริ่มกันเถอะ!!

iPhone 6s ดีไซน์มาเหมือนกับ iPhone 6 เลยเพียงแต่ทดความหนาขึ้นมานิดนึง

มาตรแม้น จะมีข่าวใส่สีออกมาว่า iPhone 6S (ไอโฟน 6S) จะมีออกแบบเฉกกับ iPhone 6 ก็ตาม อย่างไรก็ตามดูพางว่า ศักยมีบางสิ่งกลายไปเล็กน้อย เมื่อข่าวแต้มสีล่าสุด ปูดว่า iPhone 6S จะหนาขึ้น จากเดิม 6.9 มิลลิเมตร เป็น 7.1 มิลลิเมตร ส่วนต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ iPhone 6S หนาขึ้น เป็นเพราะเทคโนโลยี Force Touch นั่นเอง

นอกจาก iPhone 6S จะมีความปฏิรูปในเรื่องของ ชิปเซ็ต พร้อมกับกล้องด้านหลังแล้ว แหล่งข่าวยังบอกกล่าวอีกว่า เทคโนโลยี Force Touch ถือว่า เป็นการเปลียนแปลงที่ใหญ่ที่สุดบนรุ่นนี้ แต่ก็ส่งผลให้ตัวเครื่องหนาขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนออกแบบอื่นๆ ยังคงคงเดิมไม่เปลี่ยน



เพราะเทคโนโลยี Force Touch นั้น จะช่วยทำให้สามารถแยกแรงกดบนหน้าจอได้มากขึ้น ซึ่งถูกนำไปใช้บน Apple Watch แล้วนั่นเอง
ด้วยว่าหมายกำหนดการเริ่ม iPhone 6S คาดว่า เป็นวันที่ 6 กันยายนนี้

ที่มา : cultofmac.com

ใช้บอดี้อะลูมิเนียมเกรด 7000 แบบเดียวกับ Apple Watch Sport ยืนยันความแข็งแรง ไม่งอ



ล่าสุด ทาง Economic Daily News จากประเทศไต้หวัน แสดงตนว่า iPhone 6S กับ iPhone 6S Plus จะเปลี่ยนเครื่องมือที่ใช้ผลิตบอดี้ใหม่ เป็น อะลูมิเนียมอัลลอยด์เกรด 7000 ที่ใช้บน Apple Watch Sport ซึ่งมีความแข็งแรง กว่า อะลูมิเนียมทั่วๆ ไปถึง 60%



ด้วยเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ แอปเปิล ต้องผ่านวัตถุที่ใช้ผลิตบอดี้ใหม่ เป็นเนื่องมาจาก iPhone 6 นั้น เจอกระแส #bendgate หรือไม่ก็ตัวเครื่องโค้งงอนั่นเอง ทำให้แอปเปิล หาวิธีที่จะแปรเปลี่ยนบอดี้ใหม่ อย่างไรก็ดี แม้ว่า อะลูมิเนียมอัลลอยด์ จะมีความแข็งแกร่งไม่เท่า Stainless Steel แต่ก็มีน้ำหนักเบา, สามารถขึ้นรูปได้หลายสี และไม่มีผลพวงต่อตัวรับสัญญาณในตัวเครื่องอีกด้วย

ส่วนข้อมูลนี้ จะเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน ต้องติดสอยห้อยตามกันต่อไปนะคร้าบบบ

ที่มา : macrumors.com

และสุดท้ายนี้ในส่วนของแบตเตอรี่ทาง Apple เค้าจะให้มาที่ความจุ 1715 mAh นะครับก็คิดว่าน่าจะพอใช้ได้ให้เกือบเต็มเม็ดเต็มหน่วยวันล่ะเนอะ อิอิ (ทุกครั้งเท่าที่ผมใช้อยู่ตอนนี้จะเป็น Note 4 ซึ่งแบตก็ถือว่าอึดพอสมควรเลยนะ ถ้าเล่นบ้างนิดหน่อย เรื่อยๆ โซเชียลบ้าง อ่านนวนิยายบ้าง ก็พอดีเกี่ยวกับช่วงกลางวันทั้งวันอ่านะ แต่ถ้าเล่นเกมส์หนักๆ ก็ไม่มีเครื่องไหนหรอกที่จะอยู่รอดทั้งวัน มันขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานทั้งนั้นแหละครับ!!)

ปล. ปกติแล้วไอโฟนรุ่นใหม่จะออกรุ่นหลักมา จากนั้นรุ่นต่อไปจะตามด้วยรุ่นหลักแล้วเติม S เข้าไปต่อท้ายนะครับ เห็นมีคนเรียกผิดกันเยอะแยะเลย กลายเป็นว่าเรียกข้ามรุ่นไปยกตัวอย่างเช่นเมื่อปีที่แล้วทาง apple ออกไอโฟนใหม่มาโดยใช้ชื่อว่า iPhone 6 และ iPhone 6 plus ดังนั้นรุ่นที่จะออกในปีนี้ก็จะใช้ชื่อว่า iPhone 6s และ iPhone 6s plus นั่นเองจ้า ไม่ใช่ iPhone 7 นะฮะ ^^

ติดตาม ข่าวสารไอทีต่างๆ จากทางเราได้ที่: http://thaizones-hitech.blogspot.com/>

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ก๊อก ก๊อก iPhone 6s ได้โอกาสเปิดฉากวันที่ 9 เดือน 9 นี้แล้วนะเข้าใจแจ่มแจ้งยัง?

ศูนย์ข่าวที่เชื่อได้บอกว่า iPhone 6s มาแน่ !! ไม่ได้ใช้นามาว่า iPhone 7 นะจ๊ะ...ครั้งหนังสือจากตัวนำต่างประเทศบังคับว่า Apple จะถือกาลโหมโรงในวันที่ 9 เดือน 9 พร้อมสรรพกับทางที่เราจะได้เจอะวัตถุอื่นๆ เปิดตัวด้วย นอกเหนือจาก iPhone รุ่นใหม่นี้ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นผมว่าเพื่อนๆ คงจะแอบปรากฏชัดกันมาคร่าวๆ บ้างแล้วล่ะเนอะ ^^


เจ้าของภาพ TechCrunch


John Paczkowski ผู้สื่อข่าวด้านเทคโนโลยีชั้นนำได้โจ่งครุ่มข่าวต่อ Buzzfeed ว่า Apple จะใช้วันที่ 9 เดือนกันยายน เปิดฉาก iPhone รุ่นใหม่ ซึ่งหากไม่มีอะไรพลิกโผจะเป็นการเปิดฉาก iPhone 6s ที่มาเรียบร้อยการอัพเกรดคุณสมบัติทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เหมือนเช่นหลาย ปีที่ผ่านมา เสียแต่ว่าความน่าสนใจนอกเหนือจากนี้มีแจกแจงว่า Apple จะใช้ช่วงเวลาเดียวกันเปิดตัว Apple TV รุ่นใหม่อีกด้วย

ในความน่าสนใจของ iPhone 6s จะเป็นการเพิ่มเทคโนโลยีด้านการสัมผัสบนหน้าจอทัชสกรีน หรือ Force Touch คุณสมบัติของการแตะเบาๆ กับการกดแรงๆ เพื่อเรียกใช้งานระบบควบคุมต่างๆ เช่นเดียวกับ Apple Watch อีกทั้งยังมีสีซ้ำเติมให้ขึ้น พร้อมบอกลาปริมาตร 16GB และจะไปริเริ่มที่ 32GB แทน

ประกาศล่าสุดของงานโหมโรง iPhone 6s ซึ่งปีนี้น่าจะบุกเบิกเร็วกว่าที่คาด ซึ่งปีนี้เราน่าจะได้สังเกตงานเปิดตัวในวันที่ 9 กันยายนนี้ พร้อมกับการโหมโรง iPad Pro พร้อมกับ Apple TV ใหม่ด้วย !!

เพราะว่าสาธยายจาก John Paczkowski ผ่าน BuzzFeed ซึ่งเคยให้ข่าวที่ตรงพร้อมกับเชื่อถือได้มาก่อน เผยว่าแอปเปิลเตรียมการจะจัดงานเริ่ม iPhone 6s พร้อมด้วย iPhone 6s Plus ในวันที่ 9 กันยายนนี้



นอกจากนี้ในงาน เป็นไปได้ว่าศักยมี iPad Pro ที่ทุกคนเฝ้าคอยการเริ่มซึ่งเป็นข่าวใส่สีมานาน รวมถึง Apple TV แบบใหม่ ที่มีการอัพเกรดสเปค พร้อมกับฟังก์ชั่นการทำงานที่ดีกว่าเดิมอาจจะได้เห็นกับกันในงานอีกด้วย



สมมติ iPhone 6s จะมาพร้อมมูลหน้าจอแบบแยกแรงกดได้, สีใหม่ทองกุหลาบ, แรม 2GB, กล้อง 12 ล้าน, สิ่งของใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม รวมไปถึงขนาดความจุน่าจะเริ่มที่ 32 GB ตามข่าวโคมลอยล่าสุด

ใครที่เฝ้ารอไอโฟนรุ่นใหม่อยู่ เก็บตังค์รอไว้ได้เลย !!

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

มาสู่แน่! Apple เกลี่ยสต๊อก MacBook Air บนเว็บ อาจจะเตรียมอัพเดทรุ่นใหม่วันจันทร์นี้

น่าจักเป็นหลักฐานที่บ่งกราบทูลได้อย่างดี ปาง  ได้ทำการขยับเวลาการจัดส่ง MacBook Air บน Apple Online Store อเมริกา จากเดิมเก่งจัดส่งได้ทันที เป็น “ภายใน 1 วัน” ซึ่งอาจจักหมายถึงว่า MacBook Air อาจจะมีการอัพเดทในวันจันทร์นี้
เพราะว่าที่เอื้อนว่าเป็นไปได้ ก็ก็เพราะว่าว่าในวันจันทร์ที่ 9 มีนาคมนี้ Apple จักมีงานเริ่มรายละเอียด Apple Watch ซึ่งคาดกันว่าจะมีการอัพเดท MacBook Air ด้วย ซึ่งทำให้ออเดอร์ที่จักมีขึ้นในวันที่ 9 มีนาคม จักถูกดีเลย์ไปอีก 1 วันเพื่อที่ Apple จะได้ส่งเครื่องรุ่นใหม่แทนนั่นเอง
อย่างไรก็ตามในรอบนี้น่าจักเป็นการอัพเดท MacBook Air โฉมเดิมให้มีสเปคที่ดีขึ้นเฉยๆ ส่วนจักมีแบบใหม่เปิดตัวไปพร้อมกันเลยไม่ก็ ไม่นั้น ก็คงต้องรอดูวันงานอีกที อดได้เห็นคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ของทาง Apple เลยที่ก่อนหน้านี้เคยออกมารับสั่งว่าจะทำขอบบางๆ แล้วจักมีบอดี้สีดำด้วย กลับกลายมาเป็นบอดี้เดิมแต่เพิ่ม Spec เท่านั้นเอง...
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

จะสังเกตได้อะไรว่า iPhone ที่จับจ่ายมานั้น เป็นเครื่องศูนย์เมืองไทย หรือเครื่องหิ้ว (เครื่องนอก)?

     เกี่ยวกับช่องทางการซื้อ iPhone มาใช้งานนั้น นอกจากจักรอบรู้สั่งซื้อแบบออนไลน์ตัดผ่าน Apple Online Store เหรอพ้นผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยแล้ว
     การซื้อ iPhone จากตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วไป ก็ถือว่า เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะว่าเฉพาะ ร้านตู้ ที่หลายๆ คนมองว่า มีราคาที่ถูกกว่า พร้อมทั้งทำได้หาซื้อ ไอโฟนมือสอง มาใช้งานได้ แต่ในบางครั้ง อาจจะโดนย้อมแมวด้วยการนำ เครื่องนอก มาขายให้แทน
     ซึ่งจักถือว่า มีปัญหาในด้านการเคลมอย่างแน่นอนครับ เพราะ iPhone นั้น จักรับประกันตามประเทศที่ซื้อมา ต่างจาก iPad, iPod, Mac กับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่รับประกันแบบ World Wide
     พร้อมกับเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จักต้องทำการตรวจสอบก่อนว่า iPhone ที่ซื้อมานั้น เป็นโมเดลของประเทศไทยหรือไม่ไม่ ด้วยการตรวจสอบจากเลข IMEI นั่นเอง เพราะว่าวิธีการค้นหาเลข IMEI บน iPhone เชี่ยวชาญทำได้ 2 แบบด้วยกัน
เพราะว่าวิธีแรก ให้เข้าไปที่ Settings > General > About > IMEI
ส่วนวิธีที่สองก็คือ กดหมายเลข *#06# ก็จักมีเลข IMEI ปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
     เมื่อได้เลข IMEI แล้ว ให้นำเลขดังกล่าว ไปตรวจสอบได้ที่ http://iphoneimei.info ซึ่งด้านในจักมีข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ iPhone รุ่นนี้ ทั้ง Serial Number, ประเทศที่ซื้อ, วันหมดประกัน พร้อมกับสถานะการ Unlock ครับ
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สนิทมือจับ...ก็อยากตัดมิตรภาพนะเสียแต่ว่าจะทำอย่างไรดี..?

     ผู้คนกาลเวลานี้มักจะตั๋วเงินมือถือทุกๆ 5 ไม่ใช่หรือ 10 นาที โดยไม่รู้ตัว หรือว่าสั่งการตัวเองไม่ให้ทำแบบนั้นได้ยากเข็ญ เพราะที่เราไม่รู้สึกตัวเองเลยว่าเริ่มมีความประพฤติแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร อย่างเดียวรู้ตัวอีกทีเราก็เอาแต่รูดหน้าจอเกือบทุกขณะ
     หลายๆ คนอาจจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร เพราะว่ามันทำให้เราไม่สมรรถโฟกัสกับเรื่องที่ประธานได้นานๆ พร้อมด้วยเป็นไปได้ตามมาด้วยความเครียด
     Frances Booth ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการใช้ชีวันในช่วงเวลาดิจิทัล บอกว่ามีหลายๆ เหตุผลที่ทำให้เราสร้างสรรค์นิสัยติดการเช็คมือถือบ่อยๆ ขึ้นมา ตัวอย่างเช่น ความกลัวที่จักพลาดข่าวสาร ตามโลกไม่ทัน ซึ่งเป็นสภาพที่ฝรั่งเรียกกันว่า Fear of Missing Out (FOMO) ซึ่งเป็นความวาดหวังกับความบีบบังคับที่เราเนรมิตขึ้นมาเอง จนกลายเป็นว่าเราต้องตั๋วแลกเงินมือจับอัตโนมัติ
     ลักษณะพิเศษแบบนี้ก็ยังกับกับอุปนิสัยอื่นๆ เมื่อสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ก็ย่อมทำให้หนีไปได้ ซึ่งต้องจัดการกับสมองของเราเอง ตัดความเกี่ยวโยงระหว่างความรู้สึกนึกคิดพร้อมด้วยการใช้อินเทอร์เน็ตออกจากกัน
     คำถามคือ แล้วไปต้องใช้เวลานานแค่ไหน กว่าที่เราจะก่อสร้างนิสัยใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมขึ้นมาได้ คำตอบคือมันต้องอาศัยความต่อเนื่องของนิสัยใหม่ๆ จนกลายเป็นความเคยชิน และมันกลายเป็นลักษณะพิเศษประจำตัวที่ขึ้นมาแทนที่
     จากงานศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง เฉพาะกิจว่าจะต้องใช้ระยะ 66 วันในการสร้างสันดานใหม่ๆ เท่านั้นมันก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย พร้อมด้วยหลายๆ สถานการณ์ แต่โดยเฉลี่ยแล้วก็คือ 66 วัน
     นักวิจัยบอกว่าการทำลายนิสัยเดิมๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้ว่าคุณจะมีความต้องการอย่างแรงกล้าขนาดไหน และถ้าคุณยิ่งไม่แน่ใจว่าจะทำมันได้หรือเปล่า คุณก็ยิ่งอยู่ห่างไกลจากคำว่า สำเร็จ มากขึ้นไปอีก
     เพราะเช่นนั้นอย่าได้แปลกใจที่ต้องมีเคล็ดลับมากขึ้นอีกนิดหากอยากจะเลิกพฤติกรรมเช็คมือถือตลอดเวลา สิ่งที่ต้องมีก็คือ ความมั่นใจ ว่าคุณอยากจะเลิกพฤติกรรมนี้จริงๆ
     งานวิจัยอีกงานระบุว่า เมื่อเทียบกับปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ แล้ว สื่อ คือแรงกระตุ้นที่ปฏิเสธได้ยากกว่า ไม่น่าแปลกใจที่มันจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นอีกนิด และทำให้มันค่อยเป็นค่อยไป
นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณควรทำ หากอยากเลิกนิสัยติดมือถือ
     -เริ่มต้นด้วยการวัดผล เพื่อให้เห็นภาพรวมว่าจริงๆ แล้วคุณเช็คมือถือบ่อยแค่ไหน แพลทฟอร์มอะไรที่คุณใช้มากที่สุด และนับเป็นรายชั่วโมง ลองจดบันทึกสิ่งเหล่านี้ แล้วสรุปออกมาว่าในแต่ละวันคุณหยิบมือถือขึ้นมาดูบ่อยแค่ไหน
     -ลองตั้งค่าการใช้งานโซเชียลมีเดียและอีเมลให้ต้องกรอก Username และ Password ทุกครั้งที่เข้าใช้งาน เพื่อไม่ให้คุณเข้าถึงมันได้ง่ายๆ แบบอัตโนมัติทุกครั้ง
     -ลองสังเกตดูว่าคุณพิมพ์รหัสผ่านได้เร็วแค่ไหน แล้วพยายามทำให้มันช้าลง ทำอย่างมีสติและรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณอยากจะ Log in จริงๆ ไม่ใช่ทำไปเพราะความเคยชิน
     -หยุดคิด 1 จังหวะเมื่ออยากจะ Log in เช่น ก่อนที่นิ้วมือของคุณแตะลงไปบนไอค่อน หรือก่อนที่มือของคุณจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา อย่างน้อยก็คิดดีๆ ว่าจำเป็นที่จะต้องทำตอนนี้ เดี๋ยวนี้ จริงเหรือเปล่า
     -สำหรับคนที่อยากใช้วิธีหักดิบ ลองวางมือถือทิ้งไว้ให้ไกลๆ ตัว หรือวางไว้ในลิ้นชักหรือห้องอื่นๆ ที่คุณไม่ได้อยู่เป็นประจำ
     การสร้างนิสัยใหม่ต้องใช้พลังใจมากพอสมควร แต่มันจะกลายเป็นอุปนิสัยใหม่ๆ ได้ในที่สุด โดยที่คุณจะทำมันได้ทันทีแบบไม่ต้องคิด เหมือนๆ กับที่ตอนนี้คุณเช็คมือถือโดยไม่ต้องคิด
     ที่สำคัญที่สุดคือ การตัดนิสัยเช็คมือถือบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นออกไป จะทำให้คุณสร้างผลงานดีๆ ได้อีกมาก และใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลยิ่งขึ้น
     นอกจากนี้ โดยส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่า ทุกวันนี้เราสนใจเรื่องของคนอื่นมากเกินไป จนโฟกัสกับตัวเองน้อยลง และพัฒนาตัวเองได้อย่างเชื่องช้า การตัดขาดโลกออนไลน์ซะบ้างน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตมากกว่า

VAIO หวนกลับแล้ว ! เปิดตัวโน๊ตบุ๊คแล็ปท็อป Z ซีรีส์ แบบไฮบริด

ถือเป็นการโหมโรงต้นศักราชใหม่ของแบรนด์ VAIO ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของ Sony อีกถัดจาก ภายหลังถูกขายต่อให้กับกลุ่มกองทุนรวมของญี่ปุ่น ด้วยกันล่าสุดได้โหมโรงคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปสองแบบใหม่ VAIO Z พร้อมด้วย VAIO Z Canvas
ตั้งต้นกันที่ VAIO Z ได้รับฉายาว่า Monster PC มีหน้าจอแสดงผลขนาด 13.3 นิ้ว มีรุ่นที่ใช้ชิป Intel Core i5 พร้อมกับรุ่นที่ใช้ Intel Core i7, บอดี้ใช้อลูมิเนียมคาร์บอนเป็นส่วนประกอบ น้ำหนัก 1.34 กิโลกรัม ตัวเครื่องมีความหนา 16.8 มิลลิเมตร มีโหมด multiflip ที่่ช่วยพับหน้าจอจากแล็ปท็อปให้กลายเป็นแท็บเล็ตได้ ชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ใช้งานได้นานสูงสุด 15.5 ชั่วโมง สนนราคาเปิดตัวอยู่ที่ 190,000 เยน หรือไม่คาดว่า 52,000 บาท
ซีรีส์ถัดมาเป็น VAIO Z Canvas ได้รับฉายาว่า Monster Tablet หน้าจอขนาด 12.7 ความละเอียดการแสดงผล 2,560 x 1,704 พิกเซล ให้โทนสี Adobe RGB ถึง 95% ใช้ชิป Intel Core i7, SSD 256GB สมรรถถอดแป้นพิมพ์ได้ ทำให้เปลี่ยนรูปแบบการใช้งานจากแล็ปท็อปให้กลายเป็นแท็บเล็ต พร้อมการใช้งานร่วมกับสไตลัสได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ยังไม่มีการเปิดแย้มสนนราคาออกมาในเวลานี้
เจ้าโน๊ตบุ๊ค VAIO Z ขึ้นต้นเปิดจองในประเทศญี่ปุ่นแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วน VAIO Z Canvas อาจต้องรอจนถึงเดือนพฤษภาคม ส่วนจะขยายการวางจำหน่ายออกนอกญี่ปุ่นด้วยใช่ไหมไม่ยังมีข้อมูลในเวลานี้ครับ
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

3 เทคโนโลยี ที่จะสับเปลี่ยนแนวคิดในปี 2015

เรื่องราวของเทคโนโลยี 2014 หลายอย่างริเริ่มลงตัวพร้อมกับเป็นรูปร่างมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล แม้อาจจะดูว่ายังห่างไกลความเป็นแน่นอน แต่สิ่งที่เห็นนั้น อาจกลายเป็นต้นแบบแนวคิดของเครื่องมือไม่ก็อุปกรณ์บางอย่างที่เข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้น
รวมถึงหลายคนอาจกำลังใช้งานอยู่แบบไม่ทันรู้ตัวก็ได้ ส่วนจะมีเทคโนโลยีใดบ้างนั้น ก็คงต้องมาดูกัน เรียกว่าอุ่นเครื่องก่อนไปพบสิ่งใหม่ๆ กันใน CES 2015 ที่จะถึงนี้
Apple Watch เป็นอุปกรณ์ในแบบ Wearable ที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับคนที่คอยติดตามในช่วงปีที่ทะลุมาได้อย่างมากมาย เพราะเฉพาะคราวมีการเดโมทะลุทะลวงทางกราฟฟิกในงานเริ่ม iPhone 6 นั้น ทำให้หลายคนแทบจักควักเงินซื้อกันเลยทีเดียว
ด้วยความหลากหลายของฟังก์ชั่นด้วยกันการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Apple ที่ทำให้หลายคนมองว่าไม่ใช่แค่นาฬิกาหรือไม่ที่สวมข้อมือธรรมดา แต่เหมือนเอาสมาร์ทโฟนย่อส่วนลงไปในนั้นเลยทีดียว
เพราะสมรรถเปลี่ยนอินเทอร์เฟส ธีม ปรับแต่งสี รวมถึงการใช้งานระบบออนไลน์ ป้อนข้อมูล เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ย่อขยายหน้าจอด้วยระบบสัมผัส รวมถึงการตรวจสอบการเต้นของหัวใจ พร้อมกับทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ เพราะที่ Apple Watch นี้ราคาเปิดตัวเริ่มต้นต้นที่ 349 USD ซึ่งคาดว่าจะได้จับจองของจริงกันในช่วงปี 2015 นี้
Google's Self-Driving Car จะเป็นอย่างไรถ้าหากรถยนต์ที่คุณใช้ไม่ต้องขับเอง ปางแค่คุณนั่งหลังพวงมาลัยด้วยกันโปรแกรม รถยนต์ก็จักพาคุณไปยังจุดหมายที่ต้องการในทันที ด้วยสโลแกนที่ว่า ไม่มีคนขับ ไม่ต้องเหยียบเบรคพร้อมด้วยไร้ปัญหา
ซึ่งรถยนต์ไร้คนขับจากการพัฒนาของ Google นี้ ได้ถูกปรับปรุงต่อเนื่องมาด้วยกันหลายรุ่นกับอาจจะมีการนำมาใช้บนท้องถนนแคลิฟอร์เนียอีก 2 ปีข้างหน้า หลังจากมีการร่างกฏข้อบังคับ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกัน
โดยรถยนต์ต้นแบบออกมาเป็นรถการ์ตูนน่ารัก แต่คาดว่าจะมีออกมาอีกหลายแบบในปีถัดไป ออกมาพร้อมระบบควบคุมพวงมาลัย เบรคกับปุ่มเดินหน้า-หยุด พร้อมหน้าจอแสดงการเดินทาง ความเร็ว ในช่วงต้นนี้จะยังอยู่ที่ 25 ไมล์ต่อชั่วโมง นอกจากจักให้ความสะดวกสบายแล้ว ยังมาพร้อมความปลอดภัยอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับระบบออนไลน์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจักเป็นการจอดรถในห้างไม่ก็ การวางแผนตามเส้นทางอย่างเป็นระบบอีกด้วย
Oculus ระบบ VR ในยุคใหม่ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยการนำคุณเข้าสู่โลกเสมือนสุทธิที่ให้ทำให้ได้รับประสบการณ์อย่างน่าทึ่งทะลวงแว่น Oculus Rift เพราะในเวลานี้ Facebook เข้าลงทุนด้วยเงินกว่า 2000 ล้านเหรียญ เทคโนโลยีนี้น่าสนใจอย่างไร ส่วนหนึ่งก็ก็เพราะว่า การที่จักทำให้เราได้สื่อสารกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้วยการเห็นรูปร่างหน้าตาด้วยกันการเรียนรู้ทะลุทะลวงทางอุปกรณ์นี้ได้ง่ายกว่า รวมถึงการเข้าสู่โลกสามมิติอย่างเต็มตัว ไม่ว่าคุณจักหันมองไปทางใด และในอนาคตคุณจะอาจจะมองเห็นสินค้า ได้มากกว่าภาพสองมิติไม่ใช่หรือวีดีโอทั่วไป
แต่จักมองเห็นการทำงานได้อย่างใกล้ชิดและแน่นอนว่า ย่อมเข้าไปสู่ในเรื่องของการเล่นเกมสามมิติพร้อมด้วยการท่องเที่ยวอีกด้วย ล่าสุดทาง British Columbia ได้นำ Oculus Rift virtual reality technology ไปใช้ในการทดสอบเพื่อนำเสนอการท่องเที่ยวในวันหยุดทะลวงทาง Oculus ให้นักท่องเที่ยวออนไลน์ให้เห็นบรรยากาศทิวทัศน์ในประเทศแคนาดาในรูปแบบของ HD Go Pro ที่มีทั้งมุมมองบนอากาศ บนน้ำพร้อมกับการเดินป่าอีกด้วย สนนมูลค่าของอุปกรณ์ตั้งต้นต้นที่เกือบๆ 300-400 USD